• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

ผู้ที่ประสบความสำเร็จ เป็นเจ้าคนนายคนชอบคิดอย่างงี้

Started by Joe524, April 06, 2023, 10:00:44 AM

Previous topic - Next topic

Joe524

ในเวลาที่ยังเป็นผู้เรียน หลายๆคนต่างเชื่อเสมอว่าถ้าหากได้ตั้งมั่นเรียน สอบติดแผนกที่ใช่

ยิ่งได้โอกาสได้งานที่ดี ค่าจ้างรายเดือนที่ดี และยิ่งเป็นอาชีพที่ใครกันแน่ก็รู้จักเช่น เจ้าหน้าที่รัฐ, วิศวกร


นักธุรกิจยิ่งน่าภูมิใจไปใหญ่ เพราะนอกจากเงินเดือนที่ได้ ส ม น้ำ ส ม เ นื้ อ มีเยอะแยะพอที่จะเผื่อแผ่


ครอบครัวได้ มีผลประโยชน์รองรับให้สุขสบายยังเป็นอาชีพที่นับว่า "มีหน้ามีตา" คนใดกันแน่ก็ต้อนรับกันหมด

แต่ในโลกของความเป็นจริงแล้ว อาชีพที่ "มีหน้ามีตา" ในสังคม มิได้เหมาะกับทุกคนเสมอ

และก็ในแต่ละอาชีพ เขาก็มีการระบุอัตรารับสมัครแต่ละปีที่ค่อนข้างจะจำกัดน่ะสิ !

"แล้วจะเรียนไปทำไม ถ้าท้ายที่สุดก็ได้งานที่ไม่ตรงสาย/ งานที่น้อยคนจะรู้จัก/ ค่าจ้างรายเดือนที่ไม่ได้มากอะไร ?"

คำถามนี้จะได้คำตอบที่ เ ค รี ย ด มากเลย เพราะเหตุว่ามันเต็มไปด้วยความหวังที่คิดว่า

"เรามีทางเลือกอยู่ไม่กี่อย่างในชีวิต" แต่ถ้าลองกลายเป็นความคิด "ฉันทำงานอะไรก็ได้


ไม่ว่าจะตรงสายหรือไม่ก็ตาม" มันอาจดูประโยคขี้แพ้ในสายตาบางคน


แต่ว่าถ้าหากคิดๆดูแล้ว มันได้ความบันเทิงใจ เยอะกว่าการถามแบบแรกเนื่องจากว่าความจริงของชีวิตคือ

1. มนุษย์ทุกคนมีความรู้ความเข้าใจในตนเอง "ผิดแผกแตกต่าง" กันไปพวกเราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก่งเหมือนกันหมด

2. ในรั้วโรงเรียน- ม ห า วิ ท ย า ลั ยแม้กระทั่งพวกเราได้เรียนกับอาจารย์ที่เก่งขนาดไหน

ขอบเขตความรู้มันก็เป็นเพียงแต่ความรู้ในรั้วเพียงแค่นั้นโลกของวัยผู้ใหญ่ที่โตขึ้น พวกเรายังจำเป็นต้องรู้เห็นอีกมาก

ทำความเข้าใจกันอีก ย า ว ลองผิดลองถูกกันอีกมากด้วยเหตุนี้ จะมา ฟั น ธ ง ว่าเรียนมาสายวิทย์

จำต้องดำเนินงานสายวิทย์ เรียนสายภาษาต้องดำเนินงานสายภาษา มันก็ไม่ถูกเสมอไป

3. มันคือเรื่องปกติที่มนุษย์เราจำเป็นต้องวิ่งตามหาสิ่งที่ "ใช่"

ค่อยๆทำความเข้าใจ เบาๆปรับตัวไป สิ่งที่เรากำลังสนุกสนานขณะนี้ บางทีอาจจะยังไม่ใช่ที่สุด

สิ่งที่เราเก่งในช่วงเวลานี้ ในวันหน้า มันอาจเป็นเพียงความจำ

เพราะอาจมีหลายเหตุให้คิดมากขึ้น ดังเช่น ควรต้องพับแผนการเรียนต่อเอาไว้

เพราะเงินไม่พอจึงควรดำเนินการหารายได้ก่อน และหลังจากนั้นก็ค่อยไปเรียนศิลป์ที่เราชอบ ...

เราจะต้องมองจังหวะของชีวิตด้วย (ความจำเป็นของชีวิตแต่ละช่วง


4. สิ่งที่เราเรียนมาเป็นสิบเป็นร้อยกว่าวิชา มันเป็น "การหล่อหลอม" หลายวิชาไม่ได้

สอนพวกเราทางตรง แต่ให้พวกเราค่อยๆซึมซับจุดเด่นแต่ว่าอย่างไปเอง ดังเช่น ฝึกหัดความอดทน, ฝึกหัดความประณีตบรรจง,

ฝึกหัดทักษะการเข้าสังคมในคราวหนึ่งที่พวกเรามองไม่เห็นคุณประโยชน์ว่าจะใช้อะไรได้จริง เพียงพอโตขึ้นอีกหน่อย

มันก็ควรจะมีบ้างแหละที่เรานึกอะไรขึ้นมาจนถึงจำเป็นต้องไปหา อ่ า น ปัดฝุ่นแบบเรียนอีกครั้ง

ทุกวิชาความรู้ที่เราได้รับ ไม่เคยสูญเปล่า เพียงแค่พวกเรามองไม่เห็นค่ามันเอง ลองนึกถึงให้ดีสิ !

5. มนุษย์เราต้องมีหนทางให้กับชีวิตไว้หลายด้าน หรือ "มีแผนการสำรอง"

เพื่อไม่เป็นการปิ ด กั้ นตัวเองกระทั่งเหลือเกิน ได้แก่ หากวุฒิที่พวกเราเรียนมามันหางาน ย า ก จะยอมรึเปล่าที่เอาวุฒิต่ำลงยิ่งกว่านี้หางานไปก่อน?

หากพวกเรามิได้อาชีพนี้ เรายอมได้รึเปล่าที่จะทำอาชีพอื่นไปพลางๆก่อน?

ความฝันสิ่งที่ใช่ มันไม่สมควรเป็นสิ่งที่ได้ดั่งใจในทันทีมันคือเรื่องปกติมากๆที่จำต้องแลกเปลี่ยนกับความอ่อนเพลีย

ความ พ ย า ย า ม หลายเท่าตัว ก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดหากจะพบว่าเพราะเหตุใด ห ม อ

บางคนถึงแต่งเพลงได้?

เพราะอะไรบางบุคคลเรียนวิชาชีพแต่มาเป็นนักแสดง?

เพราะเหตุไรบางบุคคลเรียนไม่จบแต่บรรลุผลสำเร็จ?

ถ้ายังไม่เข้าในข้อนี้ ทดลองย้อนกลับไป อ่ า น ข้อ 4 อีกครั้งขึ้นชื่อว่า "วิชาความรู้" เราได้รับมา

ถึงจะไม่ใช้ในทันทีก็ไม่ควรเสียดาย ขึ้นชื่อว่า "ความฝัน" ถึงจะยังไม่ใช่ในวันนี้

ใช่ว่าวันหน้าจะไม่มีทางเป็นไปได้ มันอยู่ที่ตัวเราล้วนๆว่า... "รู้สึกตัวดีไหมว่าทำอะไรอยู่?" รวมทั้ง

"พร้อมจะยืดหยุ่นกับทุกเหตุการณ์ชีวิตรึเปล่า?"

อย่ าลืมว่า...โลกพวกเรากลม และก็มีหลายมิติ ใช่ว่าจำเป็นที่จะต้องมองดูเพียงด้านเดียว
ทำงานไม่ตรงสาย
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13507/